กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผนึกสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมไปถึงภาคเอกชนทั้ง SCG, AMATA Facility และ สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ฯลฯ จัดงานใหญ่มหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” พร้อมร่วมมือและสนับสนุน นโยบายกรมโรงงานฯ 4 มิติเพื่อผลักดันสู่ความสมดุลและยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม

ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวถึงการมุ่งเน้นการทำงานโดยใช้หัวและใจใน 4 มิติ ภายใต้นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมให้อยู่คู่ชุมชนได้อย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย
มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจเน้นการใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรม
มิติที่2 การดูแลสังคมและชุมชนรอบโรงงาน โรงงานกับชุมชนจะต้องอยู่ร่วมกันได้และจะต้องได้รับการยอมรับจากชุมชน
มิติที่3 การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์ประเทศไทยและประชาคมโลก โดยเฉพาะของเสียจากโรงงานจะต้องได้รับการจัดการตามมาตรฐานที่กำหนด
มิติที่4 การคืนกำไรสู่สังคมและชุมชนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ในการนี้ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เชิญชวนผู้ประกอบการโรงงานทุกท่านมาร่วมกันจับมือพัฒนาอุตสาหกรรมประเทศไปสู่ความสมดุลและอย่างยั่งยืน ใน 4 มิติดังกล่าว รวมทั้งประเทศไทยได้ประกาศนโยบาย Carbon Neutral ในปี 2050 และ Net Zero ในปี 2065 อีกทั้ง ยังมี แรงกดดันจากประชาคมโลกในเรื่องการลดการปลดปล่อยคาร์บอน ในรูปแบบกำแพงภาษีต่างๆ ทำให้ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมผลักดันตามนโยบายดังกล่าว ดังนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงยินดีสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของภาคเอกชน ที่เกิดประโยชน์กับประเทศ ซึ่งการจัดงาน EnwastExpo 2023 ของสภาอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ก็สนับสนุนและสอดคล้องตามนโยบายของกรมโรงงานอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ในปี 2566 นี้ กรมโรงงานมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้บริหารจัดการอย่างเป็นระบบและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึง กฎหมายการจัดการกากอุตสาหกรรม ที่จะมีผลบังคับใช้ประมาณปลายปีนี้
“เราได้ปฏิรูปกฎหมายกการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ซึ่งรวมถึง ผู้ก่อกำเนิดกากอุตสาหกรรมจะต้องรับผิดชอบกากอุตสาหกรรมไปจนกว่าจะได้รับการจัดการตามที่แจ้งไว้แล้วเสร็จเรียบร้อย รวมทั้งในปี 2566 นี้ กรมโรงงานได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อความสะดวกในการให้บริการอย่างครบวงจร ตามนโยบาย I-industry ของกระทรวงอุตสาหกรรม” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเผย

นายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวถึงการจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ในระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่สนับสนุนให้อุตสาหกรรมอื่นๆและกิจกรรมต่างๆของประเทศ พัฒนาได้อย่างสมดุลและยั่งยืน และยังเป็นการจัดงานใหญ่เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมฯ

“ปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง ๆแล้ว ไมใช่เป็นปัญหาชองประเทศไทยเท่านั้นแต่เป็นปัญหาระดับโลก ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจัดงานใหญ่ในลักษณะนี้ ทั้งที่จริงแล้ว งานสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศเป็นที่นิยมกันมากโดยมีการจัดงานใหญ่ต่อเนื่องมาตลอดหลายปีทีผ่านมา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ บริษัทต่างๆในประเทศไทย ก็เดินทางไปดูงานประเภทนี้ในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง” นายธีระพล เผย

ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมฯยอมรับว่า ประเทศไทยเราเองก็มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะปัญหาผลกระทบความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (climate change) ที่ได้รับผลกระทบมากเป็นอันดับที่ 9 ของโลกโดยในอีก 3 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มจะเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงจากปรากฎการณ์เอลนีโญ นอกจากนี้ ยังไม่นับรวมสิ่งที่เกิดขึ้นจากการดำรงค์ชีวิตตามปกติของมนุษย์ที่ทำให้เกิดมลพิษ ในอีกหลายด้าน

“การจัดงานครั้งนี้เป็นการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการนำเสนอและถ่ายทอดเทคโนโลยี การบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย ก็ได้นำมานำเสนอในงานนี้ รวมไปถึงการสัมมนาวิชาการเรื่องการใช้ประโยชน์ของเสียให้คุ้มค่าตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้เป็นแหล่งรวมให้ผู้สนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้จะได้ดูงานและจับคู่ธุรกิจต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ”

นายธีระพล ยังกล่าวถึงที่มาธีมจัดงานครั้งนี้ ภายใต้หัวข้อ “ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ว่า มาจากองค์ประกอบ 3 ภาคส่วนสำคัญ ซึ่งได้แก่ ภาคส่วนที่ 1 ผู้ก่อกำเนิดมลพิษ ถือเป็นต้นทาง ภาคส่วนที่ 2 ผู้ที่จะช่วย บำบัด กำจัดหรือบริหารจัดการของเสียหรือมลพิษ และ ภาคส่วนที่ 3 ภาครัฐที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ซึ่งทั้ง 3 ภาคส่วนจะต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การลงทุนที่คุ้มค่า และบุคคลากรที่มีคุณภาพและเข้าใจปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การจัดการปัญหาเหล่านี้ สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน
“ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีวิวัฒนาการตลอดเวลา เราไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้ ทั้ง 3 ภาคส่วนจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อไปสู่โลกที่ดีกว่าซึ่งรวมถึงสังคมคาร์บอนต่ำที่จะช่วยชลอภาวะโลกรวน”ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมฯกล่าวย้ำ

ขณะที่ นายพิษณุ จารุพัฒนะสิริกุล นายกสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน อีกหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมจัดงานครั้งนี้ระบุว่า นอกจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้วยังมี ภาคครัวเรือนและประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการค้าขายต่างๆ ที่เป็นผู้ก่อกำเนิดมลพิษและของเสีย จะต้องช่วยกันดูแล และจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วแล้วการจัดการของเสียจะวิ่งเข้าสู่ระบบของโรงงานอุตสาหกรรมในปลายทาง แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันจึงจะสำเร็จได้จริง

อนึ่ง การจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า”