สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานใหญ่แห่งปี “TFAC’s Accounting Professions Summit 2024” ฉลองโอกาสครบรอบ 20 ปี สถาปนาสภาวิชาชีพ
สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานใหญ่แห่งปี ฉลองโอกาสครบรอบ 20 ปี สถาปนาสภาวิชาชีพ “TFAC’s Accounting Professions Summit 2024” ภายใต้หัวข้อ “Accounting Professions in Disruptive World” เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้อง World Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ รวมถึงการปรับตัวอย่างยั่งยืน ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี นักวิชาการ และนักธุรกิจ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ องค์กรและธุรกิจต่างต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติร่วมงานพร้อมขึ้นกล่าวปราศรัยสำคัญเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโลก และกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ (Global Dynamics) ครอบคลุมประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาวิชาชีพบัญชี และความท้าทายที่ต้องรับมือในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเน้นถึงการพัฒนาเศรษฐกิจไทยผ่านการสร้างความแข็งแกร่งให้วิชาชีพบัญชีในการสนับสนุนความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ พร้อมเรียกร้องให้นักบัญชีและภาคธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
นายพิชัย กล่าวถึงในประเด็นภาพอนาคตเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันอยู่ในช่วงชะลอตัว ประเทศจีนเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับประเทศไทย ทั้งนี้การแบ่งค่ายทางความคิดของผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันตกหรือฝั่งตะวันออกที่ต่างกัน นำมาสู่การแข่งขันที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย โดยผลกระทบจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของโลก แต่ประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะสามารถก้าวทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลง คือการเป็นผู้ผลิตที่จำเป็นต่อโลกในแต่ละตลาดต่าง ๆ
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การผลิตและการลงทุนของประเทศมีปริมาณลดลง จาก 40% เหลือ 19% เพราะในช่วงก่อนนั้น มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ มีกระแสการลงจากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา แต่ไม่มีการใช้ประโยชน์และโอกาสจากกรณีดังกล่าวเท่าที่ควร จึงทำให้รากฐานทางเศรษฐกิจยังไม่สามารถเติบโตได้ดี ดังนั้น ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด ผ่านวิธีการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศในการเป็นฐานการดำเนินงานให้กับอุตสาหกรรมต้นน้ำ อาทิ Cloud & AI, Data Center, ศูนย์วิจัยไบโอชีวภาพ, ศูนย์การผลิตอุปกรณ์และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ การลงทุนต่าง ๆ นี้ทำให้เกิด Supply Chain ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ทำให้ขณะนี้ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศเติบโตที่สุดเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา ในปีนี้มีตัวเลขจากการลงทุนดังกล่าว 7 แสนกว่าล้าน และเมื่อรวมกับ 2-3 ปี ที่ผ่านมา เป็นตัวเลขกว่า 2 ล้านล้าน ดังนั้น สิ่งที่ประเทศไทยต้องมุ่งเน้นเป็นอันดับแรกคือการเตรียมความพร้อมและสร้างขีดความสามารถเรื่องบุคลากรในประเด็นดังกล่าวที่กำลังจะถูกประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ อันดับที่สองคือการลดกระบวนการติดต่อประสานงานให้สะดวกและรวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดงานเอกสารให้เหลือแต่สิ่งที่จำเป็น อันดับที่สามลดต้นทุนทางพลังงานและ Logistics ซึ่งพลังงานที่ใช้ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ประเทศไทยถือว่ามีความสามารถและความพร้อมที่จะสร้างโอกาสจากความท้าทายให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น
นายพิชัยยังได้กล่าวถึง บทบาทผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต่อการเกิดขึ้นของ AI และการปรับตัวที่ควรตระหนักว่า การเกิดขึ้นของ AI เป็นผลพวงจากการเกิดขึ้นของการวิเคราะห์ วิจัย และประมวลผลจาก Big Data ซึ่งจำเป็นต้องมีการเชื่อมโยง Data Center ของบริษัทระดับโลกในด้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อมีข้อมูลที่มากขึ้นการวิเคราะห์ก็ยิ่งแม่นยำขึ้น นำไปสู่การตัดสินใจในการดำเนินงานได้ดี ซึ่งแน่นอนว่าวิวัฒนาการของ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจนคาดไม่ถึง ในแง่ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีนั้น สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมาก แต่ต้องปรับตัวก้าวให้ทันเทคโนโลยี รวมถึงทั้งเรื่องการแข่งขัน สภาพเศรษฐกิจ
“เราไม่ควรที่จะรู้แค่เฉพาะเรื่องงานบัญชีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจภาพรวมและองค์ประกอบทั้งหมด เพื่อเชื่อมโยงทุกอย่าง ปรับกระบวนการทำงานให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ เพราะการบัญชีและเศรษฐศาสตร์ในปัจจุบัน เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง แต่การจะนำเครื่องมือมาใช้ทำงาน เราต้องเข้าใจทิศทางสภาพความเป็นไปที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ได้ จึงจะสามารถนำสิ่งต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำ