ผู้ว่าฯ สิงห์บุรี เสริมสร้างพลังความรักความสามัคคี ตระหนักรู้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ร่วมกิจกรรม “เอามื้อสามัคคี” เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนสู่ความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “ผู้ว่าฯ ชวนคิด ชวนทำ ผู้นำต้องทำก่อน”

นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วยนายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นางจิราภรณ์ กองเงิน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี นางภรณี ธนาคมานุสรณ์ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี นายถวิล ยี่สุ้นแสง พัฒนาการจังหวัดสิงห์บุรี นางสุคนธ์ ชูทิพย์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน นายกิตติเชษฐ์ ทุ่งสะโร ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด/อำเภอ นายปัญญา ใช้เฮ็ง นายอำเภอเมืองสิงห์บุรี นางสาวสาวิตรี อุดมพันธ์ นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ รักษาราชการแทนพัฒนาการอำเภอเมืองสิงห์บุรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อำเภอเมืองสิงห์บุรี ร่วมดำเนินกิจกรรม”เอามื้อสามัคคี” ณ บริเวณบึงบางกระเจ็ด องค์การบริหารส่วนตำบลหัวไผ่ ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

ภายในงานมีการนำปิ่นโตอาหารมารับประทานอาหารร่วมกันเพื่อช่วยลดปริมาณขยะ รักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างความสามัคคีระหว่างส่วนราชการและประชาชน การจัดทำถังขยะเปียก โดยส่งเสริมให้นำเศษอาหารหลังจากการรับประทานอาหารมาเทใส่ถังขยะเปียก เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นปุ๋ยบำรุงดิน และช่วยลดโลกร้อน พร้อมทั้งเสวนาในหัวข้อ “เอามื้อสามัคคี ถังขยะเปียกลดโลกร้อน” การส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ ครัวเรือนละ 10 ชนิด เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือนและสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่ครัวเรือน หมู่บ้าน ชุมชน และเป็นการรักษาสุขภาพ

นายสุพจน์ กล่าวว่า ต้องการให้เกิดบรรยากาศการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน ไม่ต้องไปเบียดเบียนพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทั้งหลายอยากให้มาพบปะมาพูดคุยเจอกัน ซึ่งที่ผู้ว่าลงมาพื้นที่เพื่อมาพบปะพี่น้องประชาชนผู้นำกลุ่มองค์กรเครือข่ายทั้งอำเภอ ซึ่งในวันนี้อยากจะชวนผู้นำทุกท่านช่วยกันทำช่วยกันขับเคลื่อน ได้แก่ ถังขยะเปียกลดโลกร้อน ต้องการให้กิจกรรมที่ทำในวันนี้เป็นแบบอย่างให้กับตำบล อำเภอ หากเราต่างคนต่างหิ้วปิ่นโตมาแทบจะไม่มีขยะ เราก็จะสามารถลดขยะได้ สำหรับขยะที่เหลือเป็นขยะเปียกสามารถนำลงไปถังขยะเพื่อเป็นปุ๋ยให้กับดินให้กับต้นไม้ได้ อยากให้พวกเราทุกคนเป็นผู้นำซึ่งผู้นำต้องทำก่อน นำไปใช้ในพื้นที่และขยายผลให้คนอื่นได้ทำตาม สิ่งที่เราได้ขับเคลื่อนเรื่องถังขยะเปียกนั้นคือพี่น้องประชาชนได้กำจัดขยะให้ถูกวิธีและลดมลภาวะสิ่งแวดล้อมมีสมดุล สามารถลดขยะลงได้ถึง 70% อีกส่วนหนึ่งที่เราแยกขยะคือขวดแก้วขวดพลาสติกเรายังสามารถนำไปเพิ่มรายได้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ตำบลโก่งธนู จ.ลพบุรี ที่สามารถบริหารจัดการขยะบริหารจัดการชุมชนให้เป็นต้นแบบได้ สำหรับวันนี้อยากให้ทุกคนมีความประทับใจที่ได้มาอยู่ร่วมกันได้มาพูดคุย ทานข้าวร่วมกัน

นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง PM 2.5 แหล่งกำเนิดมลภาวะคือการเผาในที่แจ้งเช่นการเผาตอซังข้าว ฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันจากรถ อยากจะให้ทุกคนช่วยกันลดบ่อเกิดภาวะมลพิษนี้ โดยเฉพาะการเผาตอซังข้าว ให้เกิดมลภาวะและทำให้ดินเสื่อมสภาพ ส่วน การปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ผู้ว่ามีนโยบายให้ท่านพัฒนาการจังหวัดนำเมล็ดพันธุ์ไปให้พี่น้องประชาชนและเกษตรจังหวัดให้เพาะต้นกล้าผักสวนครัว 10 ชนิด แจกให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร สามารถลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือน ขณะที่การขับเคลื่อนหมู่บ้านยั่งยืน ทำอย่างไรให้หมู่บ้านที่อ่อนแอนั้นมีการบริหารจัดการหมู่บ้านให้เข้มแข็ง มีการพัฒนาโดยทุกครัวเรือนมีการปลูกพืชผักสวนครัว มีการแยกขยะ ชุมชนดูแลซึ่งกันและกัน บูรณาการทุกภาคส่วนในการพัฒนาชุมชน ยกระดับเรื่องของการรวมกลุ่ม เพื่อให้ตนเองพ้นขีดความยากจน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นความยั่งยืนของชุมชน ในชุมชนแห่งนี้ก็จะเกิดพืชผักสวนครัวต้นไม้ที่กินได้เป็นถนนกินได้ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” อาทิ ต้นขนุนมะละกอ มะรุม กล้วย ฯลฯ ทุกคนสามารถเก็บกินได้ช่วยกันทำ ช่วยกันปลูก ช่วยกันขาย สร้างเศรษฐกิจให้กับชุมชน ส่วนการบูรณะปฏิสังขรณ์ศาลหลักเมืองนั้น ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พี่น้องประชาชนชาวสิงห์บุรีในการเป็นเจ้าภาพมีส่วนร่วมในการบูรณะปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้

“อยากให้ผู้นำทุกท่านเป็นแบบอย่างให้กับลูกบ้าน “ผู้นำต้องทำก่อน” บูรณาการขับเคลื่อน 7 ภาคีเครือข่าย ในการขับเคลื่อนกิจกรรมการพัฒนาในพื้นที่ นำทุกพลังมาขับเคลื่อนหมู่บ้านให้ยั่งยืน เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน” ผวจ.สิงห์บุรี กล่าวทิ้งท้ายว่า