UNFPA ประเทศไทย จับมือ Reckitt ลงนามความร่วมมือหุ้นส่วนเชิงยุทธ์ศาสตร์ ขับเคลื่อนโครงการต่อเนื่องพร้อมเสวนา “Empowering Our Youth” ส่งเสริมพลังวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 – ดร. โอซา ทอคิลส์สัน (Dr. Asa Torkelsson) ผู้อำนวยการ UNFPA กองทุนประชากรแห่งสหประชาติประจำประเทศไทยและผู้แทนประจำประเทศมาเลเซีย และ นายโรหิต จินดาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เรกคิทท์ (ประเทศไทย) จำกัด และภูมิภาคอินโดจีน ได้ลงนามความร่วมมือหุ้นส่วนเชิงยุทธ์ศาสตร์ ระหว่าง UNFPA และ Reckitt โดยมี นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA ประเทศไทย ดร.นพ.ปณต ประพันธ์ศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์และกิจการภายนอก บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมงาน พร้อมกันนี้ยังได้จัดเสวนา “Empowering Our Youth ส่งเสริมพลังวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยมี นางสาวกันทิชา ชุมมะ (ติช่า) นักแสดงและนางแบบ ผู้ชนะการประกวดเดอะเฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2 นางสาว นางสาวสุดาพร นาคฟัก ผู้ประสานโครงการ กลุ่มคนวัยใส (กลุ่มคุณแม่วัยรุ่น) จ. เชียงใหม่ นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญ รณรงค์ประเด็นสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับผู้หญิง และ ดร. ภัณณิน สุมนะเศรษฐกุล ผู้อำนวยการสถาบันอนาคตไทยศึกษา ร่วมเสวนา ณ ห้องประชุม Atheneum 3-4 ชั้น 6 โรงแรม ดิแอทธินี (The Athenee) กรุงเทพฯ
ดร. โอซา ทอคิลส์สัน (Dr. Asa Torkelsson) ผู้อำนวยการ UNFPA กองทุนประชากรแห่งสหประชาติประจำประเทศไทยและผู้แทนประจำประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า UNFPA ได้ดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยและหลายภาคส่วนในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี ด้วยเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ ส่งเสริมให้ทุกคนได้เข้าถึงบริการการวางแผนครอบครัว ยุติการเสียชีวิตของมารดาจากการคลอด และการยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ โดยสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 และ 5 ภายในปี 2573 ทั้งนี้ Reckitt ซึ่งเป็นภาคเอกชนได้สนับสนุนและร่วมมือการดำเนินงานของ UNFPA ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 และประสบผลสำเร็จเชิงประจักษ์จากโครงการการคลอดอย่างปลอดภัยสำหรับทุกคน (Safe Birth for All) จึงนำมาสู่การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ภายใต้โครงการ ‘Empowering Our Youth’ ที่ Reckitt จะสนับสนุนการทำงานของ UNFPA ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องคือจากปี 2565 – 2569 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ 3 ของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs นั่นคือ การส่งเสริมให้ทุกคนได้เข้าถึงบริการการเข้าถึงถุงยางอนามัย การป้องกันการตั้งครรภ์และการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับแม่วัยรุ่นและแม่ที่อยู่ในภาวะเปราะบางซึ่งสนับสนุนเป้าหมายที่ 5 ด้วยเช่นเดียวกัน นั่นคือ การบรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน
นายโรหิต จินดาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เรกคิทท์ (ประเทศไทย) จำกัด และภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า Reckitt ได้สนับสนุนการดำเนินงานของ UNFPA หรือกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยมาโดยตลอด และมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของ UNFPA ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การทำงานโครงการ Empowering Our Youth มีความชัดเจนและประสบผลสำเร็จ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคงให้กับวัยรุ่นทั้งหญิง ชาย รวมทั้งแม่วัยุร่นและแม่ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง นอกจากนี้ การลงนาม MOU ในครั้งนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนสามารถมีส่วนร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ในหลากหลายมิติอีกด้วย
ด้าน นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA ประเทศไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณ Reckitt ที่เล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนงานในประเทศไทย และให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องอีก 5 ปี ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความมั่นใจต่อโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในแผนงาน โดยการสนับสนุนจะมุ่งเน้นแนวทางด้านเพศศึกษาที่จะทำให้เกิดการป้องกันและดูแลตนเองโดยวัยรุ่นชายสามารถดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และวัยรุ่นหญิงให้ลดการเข้าสู่ภาวะการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผน รวมถึงการดูแลตนเองหากเกิดการตั้งครรภ์ การวางแผนระหว่างตั้งครรภ์และเข้าถึงบริการสาธารณสุข และมีความรู้ในการเลี้ยงดูลูกภายหลังคลอด รวมทั้งได้รับการยอมรับกลับเข้าไปในสังคมและดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างมีศักยภาพภานหลังคลอดลูกในช่วงการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นแล้ว
ขณะที่ ดร.นพ.ปณต ประพันธ์ศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์และกิจการภายนอก บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Reckitt ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมพลังวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงนำมาสู่การลงนามความร่วมมือให้การสนับสนุนครั้งนี้ และหวังจะได้เห็นทุกการตั้งครรภ์เป็นความตั้งใจของทั้งหญิงและชาย การวางแผนครอบครัว การโอบอุ้มดูแลแม่วัยรุ่นและแม่ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง การยุติการเสียชีวิตของทารกและมารดาจากการตั้งครรภ์ และการยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศในประเทศไทย การทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม จะทำให้เรานำพาประเทศไทยเข้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง